บันทึกนี้เป็นบทความเก่าที่เคยเขียนไว้ในเว็บไซต์ MasterChaet.com เมื่อหลายปีก่อน นำกลับมารีโพสต์โดยปรับปรุงเนื้อหาเล็กน้อย
ผมเป็นหนึ่งในหลายๆ คน ที่เติบโตมาในสาขานิเทศศาสตร์ตั้งแต่ต้น ปริญญาตรีก็จบนิเทศศาสตร์ ปริญญาโทก็จบนิเทศศาสตร์ และปริญญาเอกก็คงจบนิเทศศาสตร์อีกเหมือนกัน (ก็เรียนอยู่จะจบสาขาอื่นได้อย่างไร) ตอนปริญญาตรี ผมจบมาในสาขาวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ ฟังชื่อก็รู้ว่าเกี่ยวกับอะไรใช่ไหมครับ แต่พอพูดต่อถึงปริญญาโท ผมจบมาในสาขาการสื่อสารผ่านสื่อและวาทนิเทศ (เป็นการแบ่งกลุ่มเรียนภายใน ไม่มีบันทึกในวุฒิการศึกษา) และปริญญาเอกผมก็ยังคงเน้นศึกษาภายใต้สำนักนี้ ใครได้ยินก็จะมีคำถามขึ้นมาทันทีว่า “วาทนิเทศ” คืออะไร? เรียนเกี่ยวกับอะไร? จบมาแล้วทำอะไร? ไอไม่รู้จักสาขานี้เลย (ลองอ่านด้วยสำเนียงฝรั่งพูดไทย จะได้อารมณ์เป็นพิเศษ) ผมเองโดนถามจนชิน พี่ ๆ น้อง ๆ ในสาขาโดนกันทุกรุ่นอย่างเท่าเทียม ทั้ง ป.ตรี ป.โท ป.เอก จะเลี่ยงไม่บอกสาขาไปแต่แรกก็เกรงว่าเขาจะไม่เข้าใจตัวตนของเรา แถมคนที่ถามมักจะมีภาพจำไว้ล่วงหน้าเลยว่ามันต้องเรียนเกี่ยวกับการพูดแน่ ๆ ซึ่งจะว่าไปก็คงไม่ผิดที่เข้าใจอย่างนั้น แต่มันมีอะไรมากกว่านั้นเยอะครับ
สาขาวาทนิเทศมีชื่อเสียงมากนะครับ ในหลายมหาวิทยาลัยจะเป็นสาขาที่ใหญ่มาก บางที่ใหญ่เบ้อเริ่มจนต้องแยกมาตั้งคณะของตัวเองเลยก็มี แต่นั่นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาครับ ในประเทศไทยสาขาวาทนิเทศถือเป็นสาขาทางนิเทศศาสตร์ที่เล็กมาก และมีเปิดการเรียนการสอนอยู่เพียงไม่กี่แห่งเท่านั้น หลัก ๆ คือที่คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่มีหลักสูตรทั้งปริญญาตรีและปริญญาโท ถามว่าทำไมถึงเล็ก ผมก็จะตอบว่ามันประกอบมาจากหลายสาเหตุครับ ไม่ว่าจะเป็นการที่คนทั่วไปไม่ค่อยเข้าใจว่าวาทนิเทศนั้นคืออะไร ไหนจะเรื่องที่สาขานี้ มีคณาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิอยู่ในจำนวนที่ไม่มากนัก ปริมาณนักวิชาการที่สามารถผลิตได้ในแต่ละปี (ป.โท และ ป.เอก) ก็เกิดขึ้นได้ในวงจำกัด แต่ในความคิดเห็นของผมนั้น สิ่งที่เป็นปัญหาหลักคือความไม่เข้าใจนี่แหละครับ นักศึกษาไม่เข้าใจ ก็ไม่เลือกเรียน ผู้ประกอบการไม่เข้าใจ ก็จะวางตำแหน่งงานผิดพลาด ซึ่งกลายเป็นเหตุที่สาขานี้ไม่มีอาชีพเฉพาะมากนัก และอาชีพที่ควรจะเป็นของสาขานี้ กลับให้คนในสาขาอื่นที่อาจขาดความรู้ความเข้าใจในด้านนี้อย่างเพียงพอมาทำแทน
สรุปแล้ววาทนิเทศคืออะไรกันแน่? วาทนิเทศถือเป็นองค์ความรู้เก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานที่สุดในบรรดาสาขาวิชาด้านการสื่อสารทุกแขนง เอกสารตำราบางเล่ม ย้อนกันได้ถึงอารยธรรมอียิปต์โบราณเลยด้วยซ้ำ แต่ถ้านับเอายุคแห่งความรุ่งเรืองของศาสตร์สาขานี้จริง ๆ ก็คงจะต้องเริ่มกันที่ยุคของกรีกและโรมัน กับสามปรมาจารย์ โสเครติส เพลโต และอริสโตเติล กาลเวลาผ่านไป แนวคิดทางวาทนิเทศก็พัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ ผ่านยุคกลาง ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ ล่วงถึงยุคสมัยใหม่ จนช่วงปลายศตวรรษที่ 19 วาทนิเทศก็ปรากฏชื่อในวงการการศึกษาขั้นสูง (วิทยาลัย/มหาวิทยาลัย) เป็นครั้งแรก ถ้าในภาษาอังกฤษ เราเริ่มกันมาจากชื่อ “Speech Communication” ครับ แต่ด้วยความที่วาทนิเทศไม่ใช่แค่การพูดอย่างเดียว แต่เป็นแก่นแท้ของสาขานิเทศศาสตร์ (ที่เริ่มต้นด้วยการใช้สื่อบุคคลเป็นหลัก) ในปัจจุบัน วาทนิเทศจึงมักเป็นที่รู้จักในชื่อของ “Human Communication” หรือ “Communication Studies” แทน ซึ่งจะสามารถสื่อความได้ตรงตัวกว่าในความหมายของการสื่อสารมนุษย์และการศึกษาการสื่อสาร
วาทนิเทศคือแขนงหนึ่งของสาขานิเทศศาสตร์ ที่มุ่งเน้นศึกษาการสื่อสารทุกรูปแบบที่มีความเกี่ยวข้องกับมนุษย์ ทั้งในแง่ปรัชญา กระบวนการคิด และการแสดงออกด้วยรูปแบบต่าง ๆ ทั้งวัจนภาษา (การพูด การเขียน สัญลักษณ์) และอวัจนภาษา (ท่าทาง น้ำเสียง ลีลา ฯลฯ) ทั้งแบบที่ผ่านสื่อและไม่ผ่านสื่อ วาทนิเทศจึงครอบคลุมถึงการสื่อสารของมนุษย์ที่ผ่านสื่อสมัยใหม่อย่างสื่อสังคมออนไลน์ด้วย โดยองค์ความรู้ที่เป็นที่รู้จักของวาทนิเทศ เช่น การสื่อสารระหว่างบุคคล การสื่อสารระหว่างวัฒนธรรม การฝึกอบรม การพัฒนาทักษะการสื่อสาร การเจรจาต่อรอง การสื่อสารภายในองค์กร วาทกรรมกับสังคม การสื่อสารผ่านสื่อ บุคลิกภาพและการแสดงออก การนำเสนอผลงานอย่างมืออาชีพ การออกแบบสื่อนำเสนอ การสื่อสารในวาระพิเศษ การบริหารจัดการโครงการ ฯลฯ นี่เป็นเพียงองค์ความรู้ส่วนหนึ่งของวาทนิเทศเท่านั้น อย่างที่ผมได้เล่าไปก่อนหน้านี้ ว่าวาทนิเทศคือแก่นของนิเทศศาสตร์ องค์ความรู้ของสาขาจึงมีความครอบคลุมสูง และสามารถประยุกต์ใช้ได้หลากหลาย
ในประเทศไทย บุคลากรที่สำเร็จการศึกษาไปจากสาขาวาทนิเทศ มีการประกอบอาชีพที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นอาชีพสายตรง อย่างนักประมูลงาน พิธีกรและผู้ดำเนินรายการ ผู้ประกาศทางวิทยุและโทรทัศน์ วิทยากรในองค์กรชั้นนำ นักประสานงานภายใน นักสื่อสารภายในองค์กร นักบริหารโครงการ นักพูดในโอกาสพิเศษ นักพัฒนาบุคลิกภาพ นักพัฒนาทักษะการสื่อสาร นักกลยุทธ์ทางการสื่อสาร ฯลฯ หรือจะเป็นอาชีพที่สามารถนำเอาทักษะด้านวาทนิเทศไปใช้ อย่างนักร้องและนักแสดง ครูผู้สอนศิลปินฝึกหัด นักเขียน แอร์โฮสเตส อาจารย์มหาวิทยาลัย นักออกแบบการสื่อสารบนสื่อสมัยใหม่ ฯลฯ หลากหลายดีใช่ไหมครับ ในบางครั้ง ผมเองก็เลือกอธิบายนิยามทางวิชาชีพของชาววาทนิเทศสั้น ๆ ว่า “ตราบใดที่มนุษย์ยังคงต้องสื่อสารกันอยู่ ชาววาทนิเทศจะยังคงมีงานทำ” ผมหวังว่า บทความเล็ก ๆ ที่ผมเขียน จะทำให้หลาย ๆ ท่านที่ยังไม่เข้าใจตัวตนของสาขานี้ ได้เห็นภาพและขอบเขตของวาทนิเทศอย่างชัดเจนมากขึ้น และผมยังคงหวังต่อไปอีกว่า แขนงวิชาที่สร้างผมมาจะโตวันโตคืน และกลายเป็นสาขาสำคัญของนิเทศศาสตร์ อย่างที่สาขานี้ควรจะเป็น
ถ้าอยากรู้จักสาขานี้ให้มากขึ้น นอกเหนือจากที่ผมได้อธิบายอย่างสังเขปให้ทุกท่านอ่านกันในบันทึกด้านบนแล้ว ลองดูวิดีโอด้านล่างนี้ หรือเข้าไปเยี่ยมชมสื่อต่าง ๆ ของทางสาขาได้ ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ Speech Communication Network รวมถึง Facebook Page และ YouTube Channel ท่านน่าจะเห็นภาพของวาทนิเทศได้ชัดเจนขึ้นครับ